Mejibray Thailand

Hi...ยินดีต้อนรับพี่ๆ น้องๆ เพื่อนพ้องทุกท่านสู่ "บ้าน Mejibray Thailand"จ้า...บล๊อคนี้จะเป็นสรุป MejibrayTH's Mission ในแต่ละวัน จาก Facebook ของบ้านเรานะคะ ส่วนที่รวบรวมมาลงไว้จะเป็นแปล Tweet & Blog ของสมาชิกทั้งสี่คนจ้า **เราไม่ได้แปลทุกทวีตและทุกบล๊อคนะคะ เลือกมาที่น่าสนใจๆ โดยแปลมาจากต้นฉบับแปลจากญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษแล้วเรามาแปลไทยอีกต่อหนึ่งค่ะ** แต่ในส่วนของรูปจะไม่นำมาอับลงในนี้นะคะ ยังไงติดตามได้ที่ Facebook ของบ้านเราค๊า

Saturday, January 5, 2013

[Thai Trans] Rock and Read vol. 045 Tsuzuku [Mejibray] Interview


Rock and Read vol. 045 Tsuzuku [Mejibray] Interview

English Translation by http://hanakotobatranslations.blogspot.ie/2013/01/rock-and-read-vol-045-tsuzuku-mejibray.html#more
Thai Translation by Mejibray Thailand



ตั้งแต่พวกเขาก่อตั้งวงในปี 2011, Mejibray ก็สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอย่างต่อเนื่อง นักร้องนำ Tsuzuku ผู้ซึ่งดูเหมือนนักเลงที่ก้าวร้าวบนเวที
แต่ว่าเขาเป็นในสิ่งที่ตรงกันข้าม เขากลับมองว่าตัวเองเป็นผู้สารภาพบาป  วันนี้เขาคุยกับเราอย่างเปิดอกถึงสิ่งที่เขาชอบและเรื่องราวถึงการก่อตั้งวงของเขาได้อย่างไรกับผู้อ่านทุกๆ คน
เราจะสอบถามเขาถึงก้าวย่างแห่งการเข้าสู่วงการ visual kei ทำไมเขาถึงอยากจะเป็นนักดนตรีและหนทางสู่การก่อตั้ง Mejibray อย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
เขาบอกเล่ากับเราถึงโลกทัศน์และมุมมองต่อวงการ visual kei ในฐานะของนักดนตรีคนหนึ่งและบอกเล่าให้เราฟังถึงความใฝ่ฝันของเขาซึ่งไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน



- แม่ของผมเคยพูดว่า "สักวันผมจะได้มาอยู่ใน Rock and Read (หัวเราะ) ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะให้สัมภาษณ์กับพวกคุณตั้งแต่ตอนที่คุณยังไม่ได้ติดต่อผมไปซะอีกนะ (หัวเราะ)


คุณทำได้ดีกับคำสัญญาของคุณเองในการปรากฏตัวครั้งแรกในนิตยสารของเรา (หัวเราะ) รูปที่ใช้ประกอบการสัมภาษณ์ในวันนี้ถ่ายทำที่บ้านเกิดของคุณที่ Yokohama ใช่ไหม? 
- ใช่ครับ ผมเกิดและเติบโตที่โยโกฮาม่า


ตอนเด็กๆ คุณเป็นยังไงหรือ?
- ผมมันเด็กดื้อที่ทุกคนต้องส่ายหน้า (หัวเราะแห้งๆ) ผมจะรู้สึกเหมือนว่าผมเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ตลอดเวลา จนกระทั้งในตอนนี้ผมยังคงชอบ  Kamen Rider [1] อยู่เลยนะ
ผมชอบมากก็เหมือนๆ กับเด็กคนอื่นทั่วไปนั่นแหละ ผมมันเป็นเด็กเหลือขอที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งแล้วยังมีเรื่องต่อยตีหลายครั้งเลย ผมสามารถกระโดดใส่คู่ต่อสู้ของผมและสามารถน็อคเขาลงได้ด้วยหมัดเดียว
ผมเคยกระโดดลงมาจากที่สูงมากๆ แล้วก็ทำให้กระดูกของผมหัก (หัวเราะ)


หมายความว่าคุณชอบที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องใช่ไหม?
- ใช่ครับ  และนั่นเป็นจุดที่ทำให้ผมอยากเปลี่ยนตัวเองหรือเปล่านะ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่อาจจะเป็นเพราะสิ่งนั่นแหละที่ทำให้ผมเริ่มที่จะแต่งหน้าและแต่งตัวอย่างในตอนนี้


งั้นคุณก็เป็นฮีโร่ในเวลาที่อยู่กับเพื่อนๆ?
- ใช่ครับ แต่ว่าคุณเคยได้ยินเสียงที่เหมือนกับเสียงยิงปืนไหม? นั่นล่ะ...มันสามารถทำให้ผมวิ่งหนีได้นะ แต่ตอนที่ผมเข้าเรียนประถม ผมก็ยังคงชอบอะไรแบบนั้นอยู่
แต่ก็มีอีกด้านหนึ่งนะอย่างเช่น ถ้าผมเห็นเพื่อนๆ ออกไปเล่นด้วยกัน ผมจะทำเหมือนว่าผมอยากจะไปกับพวกเขาด้วย แต่จริงๆ แล้วผมคิดว่าพวกเขาน่ะแข็งแกร่งกว่าผมไง
ดังนั้นผมจึงไม่ควรจะไปช่วยอะไรและผมก็เลยไม่ออกไปเล่นกับพวกเขา



ดังนั้นคุณก็เลยทำเหมือนกับว่าแขนคุณเจ็บหรืออะไรแบบนั้น?
- ใช่ครับ (หัวเราะ)! ใช่เลยแหละ ผมทำแบบนั้นจริงๆ แม้กระทั้งในตอนนี้  ในตอนนั้นเวลาที่ทุกๆ คนออกไปเล่นตอนช่วงพักเที่ยงที่โรงเรียน  ผมคิดว่ามันดูเจ๋งกว่าตั้งเยอะ ถ้าผมอยู่ในห้องเรียนด้วยตัวคนเดียว


คุณนี่เหมือนหมาป่าที่โดดเดี่ยวนะ
- ใช่ฮะ แต่ทุกๆ คนก็คิดว่าผมเป็นหัวหน้าที่ดีเช่นกัน ผมน่ะได้รับการเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าของสภานักเรียนนะ


เป็นอะไรที่ surprise มาก!
- มันเป็นการลงคะแนนโดยการยกมือ เมื่อชื่อของผู้สมัครที่คุณชอบถูกประกาศ คุณก็ยกมือของคุณขึ้น


ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนในแบบที่เป็นที่รักของทุกๆ คนนะ ในตอนนั้นคุณชอบร้องเพลงแล้วหรือยัง?
- ไม่เลยครับ ตอนเด็กๆ ผมเกลียดมัน  คุณแม่ผมต่างหากที่ชอบร้องเพลงและแม่ก็ร้องเพลงได้ดีมากๆ ตอนที่ผมเป็นเด็กแม่พาผมไปคาราโอเกะเพื่อจะร้องเพลงตรีมของ Kamen Rider
แม่ร้องจบและหลังจากนั้นแม่ก็บอกว่าแม่ร้องเพลงแย่แค่ไหน  แต่ผมจำได้เสมอด้วยความรัก (หัวเราะ)


งั้นการฝึกซ้อมในชั่วโมงดนตรีและการขับร้องประสานเสียงก็เป็นเรื่องยากสำหรับคุณใช่ไหม?
- ผมไม่ได้เข้าร่วมการฝึกร้องประสานเสียงบ่อยๆ หรอก ผมก็แค่แหกปากร้องเพลงอย่างสุดเสียง ซึ่งจุดนี้ไม่มีใครอยากจะเลียนแบบหรอกนะ
และในชั่วโมงดนตรีพวกเราไม่ได้ทำอะไรมากมายเพราะเราเองก็มีการบ้านของตัวเองอยู่แล้ว  ตอนปี 3 เพื่อนๆ ของผมเริ่มไปเที่ยวคาราโอเกะกัน พวกเขาชวนผมด้วยนะ แต่ผมก็ไปแค่สองครั้ง มันสนุกมากๆ เลย


ในตอนนั้นคุณร้องเพลงอะไร?
- ก็เพลงของ Kinki Kids และ Chemistry แต่เพื่อนๆ และผมเป็นแก็งค์ที่ส่งเสียงดังมากๆ ตลอดเวลา ซึ่งมันเป็นอะไรที่สนุกมากๆ พวกเราร้องตะโกนในเพลง “Mikan no uta” ของ Sex Machine Guns.


แล้วคุณเริ่มต้นฟังเพลงตั้งแต่ตอนไหน?
- ก็ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่ผมชอบเหล่า superheroes นั่นแหละ เพราะมันทำให้ผมฟังเพลงอะนิเมะ อย่างเวลาที่พวกเราขับรถแบบเนี้ย ซีดีแผ่นแรกของผมเป็นตรีมซองค์ของ Eccentric Shounen Boy “Gottsuee Kanji”
ในตอนนั้นมันฮิตมากเลย และผมจำได้ว่าผมซื้อมันนะ แต่คิดว่าผมจะให้เพื่อนยื่มไปก็นะ..มันฮิตมาก (หัวเราะ) แต่เวลาที่ผมเริ่มต้นฟังเพลงมันกลายเป็นว่าสิ่งนี้เป็นเครื่องมือที่ทำให้ผมคุยกับเพื่อนมากขึ้น


แล้วตอนไหนที่ดนตรีเริ่มมีความหมายกับชีวิตคุณมากกว่าสิ่งอื่น?
- มันเกิดขึ้นตอนไฮสคูลตอนที่ผมเข้าไปสู่โลกของ visual keiผมกับเพื่อนจะนั่งอยู่ที่ด้านหลังของห้องเรียนในช่วงเวลาพักกลางวัน เขาเอาเครื่องเล่นซีดีของเขามาให้ผมแล้วก็เปิดเพลงดังสนั่น
เขาบอกผมว่านี่คือ visual keiผมได้ยินมันและต้องฟัง


ในตอนแรกคุณไม่ได้ชอบมันหรือ?
- คือ..ยังไงล่ะ ในตอนนั้นมีผู้ชายเยอะแยะที่ดูเหมือนผู้หญิง ถ้าดึงเอาเรื่องร้องเพลงออกไป ผมไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่ ในตอนนั้นผมฟัง Exile เช่นกันนะ
แต่เพื่อนของผมน่ะ เอา “butterfly” ของ Baroque มาให้ฟัง และหลังจากนั้นผมก็รู้ตัวว่าผมอยากจะเป็นนักดนตรี นี่เป็นจุดเริ่มต้นจริงๆ หลังจากที่โรงเรียนเลิก ผมก็ไปซื้อซีดี


หมายความว่าหลังจากนั้นคุณก็ตกลงไปอยู่ในโลกของเสียงดนตรี
- เพื่อนสมัยเด็กของเพื่อนผมเขาอยู่ในวง visual keiพวกเขามีแฟนๆ ของวงอยู่ประมาณ 20 คนได้ แต่..ผมก็คิดว่ามันเจ๋งจังเลย ผมยืนอยู่แถวหน้าในโรงเรียน ก็แล้วทำไมผมไม่ทำสิ่งนั้นที่ข้างนอกโรงเรียนด้วยล่ะ?
ผมได้ยินคนมากมายพูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ค้นพบว่าตำแหน่งนักร้องนำเป็นที่สุดของวงดนตรี ดังนั้น..ผมก็คิดถึงว่าผมควรจะปลุกเสียงกรีดร้องในตัวของผมให้ตื่นขึ้นเสียที
ผมขอยื่ม DVD ไลฟ์ของ Dir en grey ซึ่งนั่นเป็นการเปลี่ยนโลกของผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


คุณเริ่มก่อตั้งวงเมื่อไหร่?
- ช่วงหลังจบไฮสคูลครับ  ผมอยากมีงานทำ ดังนั้น...ผมก็เลยตั้งวงดนตรี ผมลาออกจากงานที่ครอบครัวอยากให้ผมทำหลังจากไปทำได้แค่สัปดาห์เดียวโดยที่ไม่ได้บอกพวกเขา (หัวเราะ)
ผมไปหาบริษัทจัดหาห้องเช่าและก็ได้ห้องพักเล็กๆ มาห้องหนึ่ง หลังจากนั้นผมก็ไปบอกครอบครัวให้เขามาเซ็นต์รับรองให้ผมหน่อย


มันฉุกละหุกมากเลยใช่ไหม?
- ผมคิดนะ ว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่เหมาะสมมากๆ แต่ผมก็คิดว่าถ้าผมออกจากบ้านแม่มาผมจะสามารถตั้งวงได้ ผมไปโตเกียวด้วยเสื้อผ้าที่ติดตัวอยู่และนั่นล่ะ...ที่มันเปลี่ยนทุกอย่างในชีวิตผม!
แต่ผมก็ระวังนะ (ยิ้ม) ไลฟ์ของวงที่เจ๋งที่สุดกำลังรออยู่ ผมคิดว่ามันคงจะเป็นไลฟ์ที่เจ๋งมาก แต่...ผมไม่มีเงิน ไม่มีอาหารและไม่มีสมาชิกในวง (ยิ้มแห้ง) ผมก็ยังทำอะไรไม่ได้


นานไหมที่เป็นอยู่แบบนั้น?
- ไม่นานครับ ประมาณ 6 เดือนหลังจากที่ผมออกจากบ้านมา ผมก็เริ่มก่อตั้งวง ในเดือนหนึ่งพวกเรามีไลฟ์ประมาณ 4 ครั้ง ผมเป็นคนเดียวที่ทำทุกอย่างและพวกเขาไม่ทำอะไรเลยทั้งวัน
หลังจากนั้น 3 เดือน พวกเราก็ยุบวง  มือกลองบอกกับผมว่าเขาไม่สามารถทนผมได้


วงนั้นมีอะไรคล้ายกับ Mejibray บ้างไหม?
- ไม่เลยครับ นั่นเป็นวงสายฟ้าแลบ (หัวเราะ) คือ...ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ Decora กำลังฮิต ผมก็เลยทำสีผมของผมโดยย้อมด้านหนึ่งเป็นสีม่วง ผมอยากจะดูเหมือนวง Baroque


ตอนนั้นคุณแต่งเพลงด้วยหรือเปล่า?
- ไม่ครับ ผมยังไม่ได้แต่งเพลง ผมเล่นดนตรีไม่ได้สักชิ้น  ในตอนนี้ผมจริงจังกับการแต่งเพลงมาก แต่ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่วงเก่าของผมแยกวงผมยังมีประสบการณ์น้อยอยู่ แต่ผมก็เขียนเนื้อเพลงนะ
ในโรงเรียนผมชอบวิชาการเขียนนะ  ตอนเรียกประถมผมได้รับประกาศนียบัตรสำหรับการเขียนด้วยนะ และงานของผมก็ได้รับเลือกให้ตีพิมพ์ลงในหนังสือรวมบทกวีจากเด็กๆ ในเมืองที่ผมอาศัยอยู่
เด็กคนอื่นๆ เขียนในแบบของ fan letterเรื่องราวที่เขียนก็ประมาณความเมตตาจากหัวใจ ซึ่ง..นั่นเป็นตรีมของหนังสือ (หัวเราะ) ผมคิดว่าผมมีความสามารถทางด้านการเขียนบทกวีนะ


คุณก็ต้องมีความสามารถทางด้านนั้นสิ ไม่งั้นคุณจะชนะหรือ (หัวเราะ) แล้วคุณเขียนเกี่ยวกับอะไร?
- มีชื่อว่า “Manekko” ผมมีน้องชายห่างๆ ที่เกิดหลังผมไม่นาน ผมอ่านหนังสือและเขาเองก็มีหนังสือเล่มเดียวกัน มันเหมือนกับว่า...เราสองคนอ่านหนังสือนั้นด้วยกัน


เนื้อเพลงที่คุณเขียนในตอนนี้ก็ยังไม่ใกล้เคียงอะไรที่ทำให้อบอุ่นหัวใจ (หัวเราะ)
- ไม่...มันไม่ใช่เลย (หัวเราะ).


แต่ยังไงก็ตามเถอะ ทำไมคุณไม่ออกมาจากความวูปวาบแล้วตั้งใจทำอะไรที่ใคร่ครวญมากขึ้น มีทิศทาง มีความตั้งใจในงานดนตรีของคุณล่ะ?
- ผมช็อคนะตอนที่วงดนตรีวงแรกในชีวิตของผมต้องยุบวงไป มันเหมือนว่าผมมีชีวิตอยู่บนเปลือกของขนมปัง และชีวิตก็เป็นเรื่องยาก แต่เมื่อผมยืนอยู่บนเวที...ผมสามารถยิ้มออกมาได้
มันมีความแตกต่างระหว่างพวกเราและคนที่เข้ามาดูพวกเรา แต่กระนั้นเถอะ...พวกเราไม่มีหวังหรอก...จริงๆ นะ


ประสบการณ์ที่คุณลงไปถึงจุดที่ต่ำสุดแบบนั้นมีอิทธิพลต่อการเขียนเพลงของคุณไหม?
- ผมคิดอย่างนั้นนะ


เพลงทั้งหมดของคุณมีพื้นฐานมาจากประสบการณ์จริงอย่างนั้นสิ?
- มากกว่า 90% มาจากประสบการณ์จริงครับ

แม้กระทั้ง Itsuwari no Kamen - Jisatsu no Uta?
- นั่นเพลงของผมนะ มันเกี่ยวกับผมที่ถูกสอนอยู่ตลอดเวลาถึงสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญ เพลงนี้เกี่ยวช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตของผม


นั่นเป็นสิ่งที่คุณคิดตอนที่คุณย้ายกลับไปอยู่กับแม่ใช่ไหม?
- ผมไม่สามารถคิดถึงเรื่องที่จะกลับไปอยู่บ้านได้แม้กระทั้งในตอนนี้ อาจเป็นแบบผมออกไปข้างนอกและผมแวะไปเยี่ยมสักแป๊บ แต่ถ้าย้ายกลับไปเลย อาศัยอยู่กับครอบครัวอีกครั้งและหางานทำ มันยากมากที่จะทำ
แต่ก็มีบางอย่างสิ่งที่ผมจะต้องบอกกับแม่ให้ได้ ดังนั้นผมจะลืมเรื่องทั้งหมด ดูนะ...แม่ของผมเป็นซิงเกิ้ลมัมนะ ตั้งแต่ผมโตขึ้นมาและวิ่งเล่นไปทั่วครัว ผมบอกเธอว่าเมื่อผมโตขึ้นผมจะดูแลแม่เอง
ดังนั้น...ผมก็ไม่รู้จะสู้หน้าแม่ยังไง เพราะความยุ่งยากในการต้องย้ายกลับ และก็อายด้วยที่ทุกอย่างผมมันออกมาแตกต่างกับที่คิดไว้ นั่นล่ะ...สิ่งที่ผมรู้สึกในตอนนั้น ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากตายซะ


เพราะประสบการณ์ตรงนี้ ทำให้การมองโลกของคุณเปลี่ยนไปและทำให้เราเห็น Mejibray ที่เป็นแบบนี้ใช่ไหม?
- ใช่ครับ แต่ว่าตอนที่วงก่อนหน้าจะมาเป็น Mejibray ยุบวงไป ผมคิดว่า...ผมจะเลิกเล่นดนตรีนะ มันเป็นทั้งหมดหรือว่า..มันไม่เคยมีอะไรเลย ดังนั้น...ก็ไปทำอะไรอย่างที่คนธรรมดาๆ เขาทำกัน
ผมไปทำงานพิเศษเป็นเด็กเสริฟในร้านอาหารเกือบๆ ปี แต่ทุกๆ วันมันน่าเบื่อมาก หลังจากนั้นสักพักผมคิดถึงเรื่องการทำวงเฉพาะกิจ  ผมคิดว่ามันคงจะดี แต่มันไม่เคยเกิดขึ้น
ผมรู้...ผมไม่สามารถรับได้หรอกแค่นั้นน่ะ แต่ผมก็บอกตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายและผมเลือกที่จะเสี่ยง ผมอยากทำเพลงเพื่อความสำเร็จของผม ถ้าหากผมจะเอาอนาคตของผมไปเสี่ยง
อย่างที่ผมทำกับวงก่อนหน้านี้  อย่างน้อยผมก็จะเลือกสมาชิกในวงด้วยตัวผมเอง  จะต้องเป็นผมที่อยู่ตรงนั้น เพลงที่จะเผยความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
อาจจะเป็นเรื่องที่น่าอายมากๆ  ผมจะเขียนเกี่ยวกับชีวิตของผมเองลงในบทเพลงของผม


และการตัดสินใจนั้นที่ทำให้เกิด Mejibray หลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมดนี้  มันช่วยไม่ได้นะ แต่...มันทำให้ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นคนที่มองโลกแง่ดีนะ
- ใช่ครับ ผมเป็นคนมองโลกแง่บวกนะ (หัวเราะ) วิธีที่ร้องเพลงที่ดีที่สุดคือ...การยิ้ม


ตัดสินได้โดยมุมมองของคุณเองในเนื้อเพลงที่คุณเขียน  มันดูเหมือนคุณมีความปรารถนาอันแรงกล้าในการทำลายล้าง
- ถ้าผมสามารถทำได้...ผมอยากมีชีวิตบนรอยยิ้มนะ  การได้ทำในสิ่งที่ผมรักทุกวันและกินอาหารอร่อยๆ ผมอยากมีชีวิตแบบนั้น แต่ก็แน่นอนล่ะ มันจะมีบางสิ่งที่ดึงคุณกลับไปทำสิ่งเหล่านั้นเสมอๆ
นั่นเป็นสิ่งที่ผมเห็นมา  สิ่งที่ไม่ดีจะสามารถค่อยๆ เติบใหญ่ได้ ในยามที่ทุกคนรู้สึกเศร้า พวกเขาจะรู้สึกว่าเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป  ผมคิดถึงช่วงเวลายากๆ เหล่านี้แล้วใส่ประสบการณ์ของผมลงไปในตัวหนังสือ
ผมเป็นคนที่ผ่านมันมาและคิดว่า "ก็ดี..ที่มันเกิดขึ้น แต่ผมจะทำให้ดีที่สุดและสู้ต่อไป"  นั่นเป็นวิธีที่ผมอยากจะทำเพลง



คุณก็เลยต่อสู้กับความจริงในบทเพลงของคุณ อือม...คุณเคยพูดว่าคุณรัก visual kei แน่นอน ทุกคนที่พูดก็คิดแบบนั้น แต่ว่ามีหลายคนที่เล่าอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้?
- Hahahahaha.

คุณไม่คิดอย่างนั้นหรือ?
- ใช่...ผมคิด ถ้าผมชอบอะไรอย่างสัก ผมจะพูดมันออกมา ผมก็มีช่วงเวลาที่ผมคิดว่ามันน่าอายเหมือนกันนะ


คุณคิดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
- ก็อย่างเช่นตอนที่ผมก่อตั้งวงด้วยตัวคนเดียวนั่นแหละ มันเหมือนกับว่า...ยกตัวอย่างเช่น ผมคิดว่าการได้ลงนิตยสารที่เป็นที่นิยมอย่าง Rock and Read!ผมรู้มาตลอด ผมจะถูกถามเกี่ยวกับวงที่ผมชอบ
และผมเติบโตมาแบบไหน (หัวเราะ) การพูดในฐานะของคนที่ทำงานดนตรีกับคนที่ฟังมัน ความภาคภูมิใจเป็นอุปสรรคนะ  ผมเป็นใครที่จะมาพูดว่าเพลงของผมมันเยี่ยมที่สุดและซื้อซีดีของผมนะ?
ผมเป็นคนที่จะพูดว่า "ผมซื้อซีดีของ the Gazette และมันเจ๋งมาก! พวกคุณควรจะซื้อมันนะ! ผมอยากแนะนำดนตรีดีๆ ให้พวกคุณรู้จัก ผมเป็นแฟนของวงที่กำลังแสดงอยู่บนเวที" (หัวเราะ)


คุณมีสัญชาตญาณที่เยี่ยมกว่าสิ่งที่คนฟังชอบ
- ยามที่ผมได้แนะนำแฟนๆ เกี่ยวกับวงที่ผมชอบ แล้วแฟนๆ ก็แนะนำวงดนตรีที่พวกเขาชอบให้กับรู้จัก ฐานของผู้ฟังจะขยายใหญ่ขึ้นนะ  ผมคิดว่ามันเจ๋งมากๆ และผมอยากจะได้ผลตอบแทนจากตรงนั้นเช่นกัน
ถ้าผมใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ผมรู้เลย...ว่าผมจะไม่สามารถเขียนเพลงดีๆ ได้  นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงต้องการการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้อื่น


แต่ถ้าคุณเขียนเพลงแบบนั้น จะไม่มีคนพูดหรือว่า "โอ้...เพลงออกมาคล้ายกับวงนั้นวงนี้"?
- มันแตกต่าง เพราะไม่สามารถดึงเอาความรู้สึกของอีกเพลงใส่ลงไปได้หรอก นั่นแหละ...ผมจึงชอบพวกเขา (หัวเราะ) แน่นอน...มันจะมีส่วนที่คล้ายกันบ้างอย่างชัดเจน ถ้าคุณฟังเพลง คุณจะได้รับอิทธิพลจากมัน
เวลาที่ผมเขียนเพลง ผมจะตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าสิ่งที่ผมเขียนจะไม่ไปเหมือนกับเพลงของคนอื่น  ผมเป็นนักดนตรี ผมจะไม่มีวันทำอย่างนั้น (Admin-A / Tsuzuku หมายถึง การลอกหรือก๊อบปี้เพลง)



คุณคิดว่าคนที่พยายามจะลอกงานของคนอื่นนั้นไม่ดี?
- ใช่ แต่ว่ามันต่างกันนะ   การลอกงานของคนอื่น! มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง (ยิ้ม) ช่วงมัธยมและไฮสคูลผมเรียนเคนโด้ และสมาคมที่ผมเรียนอยู่จะมีการฝึกซ้อม ผมเรียนรู้เทคนิคต่างๆ จากการฝึกซ้อม
ทุกคนไม่มีใครคิดหรอกว่านั่นจะไม่เปลี่ยน มีการสอนมากมายตลอดเวลาที่ฝึกซ้อม นั่นล่ะ...ที่เป็นชัยชนะอย่างแท้จริงๆ


เจ๋งมาก! ดังนั้นจากการกลั่นกรองของคุณเอง ทำให้คุณแน่ใจว่าคุณไม่ได้ตัดอะไรออกไป โอเค..ดังนั้นตอนนี้ภาพลักษณ์ของ visual kei เป็นอย่างไรในความคิดของคุณ?
- ผมคิดว่า...แต่ก่อนแฟนจะอ่อนโยนและหลายๆ สิ่งจะดูผ่อนคลายกว่านี้  ในตอนนี้บรรยากาศมันไม่ค่อยดีอีกต่อไป มันเหมือนกับว่าลักษณะบางอย่างของแฟนๆ ที่จะพูดว่า เกลียดจอห์นนี่ย์กรุ๊ปมากแค่ไหน
หรืออะไรอย่างอื่นที่นอกเหนือจากวงที่พวกเขาชอบจะทำให้พวกเขาคลื่นไส้  ใช่ visual keiแน่ๆ หรือที่ทำให้เกิดผู้ต่อต้านขนาดนั้น?
คนอื่นคิดว่า ikemen จริงใจและอบอุ่นหัวใจเหมือนๆ กันหมด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่แต่งหน้าจนดูเหมือนกันจะเหมือนกัน  คนบางคนก็มีด้านมืดที่น่ากลัว (หัวเราะ)
แต่ผมเป็น gya-oh ผมชอบ Johnny's ถ้าแฟนไม่ฟังเพลงของพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีวันไปไกลจนสุดขอบฟ้าได้


ดังนั้นเมื่อแฟนๆ ของคุณมีระบบความคิดที่ถูกต้อง  คุณจะไปถึงวันที่ประสบความสำเร็จได้ คุณคิดอย่างไรกับระบบความคิดนั้น? Mejibray คงไม่สามารถเลี่ยงได้และยังคงต้องไปต่อ
- ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ (หัวเราะ) ผมมีความเห็นเช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ ผมชอบ the Gazette และได้ดูพวกเขาแสดงที่ Shibuya AX สำหรับผมการได้ขึ้นเล่นที่ไหนสักแห่ง
อย่างเช่น Budoukan ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวนิดๆ แต่ไม่ใช่ว่าถูกแยกออกจากกันนะ เพียงแค่ดูเหมือนว่าจะเชียร์ค่อนข้างยาก ในความเป็นจริง ผมชอบที่จะเชียร์และให้กำลังใจนะ
แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเหตุผลที่ดีหรือเปล่า


โอ้...ถูกต้องเลย  Mejibray มีแฟนๆ ที่เป็นผู้ชายด้วย แน่นอนคุณมีแฟนๆ ผู้หญิงเช่นกัน แต่การมีทั้งสองเพศสนับสนุนคุณ มันเป็นอะไรที่ภาคภูมิใจมากสำหรับวงดนตรีนะ
- ใช่...นั่นทำให้ผมมีความสุขมากๆ


มองย้อนกลับไปในวันที่คุณยังเด็ก อะไรที่คุณอยากบอกกับเด็กๆ ที่อยากเข้ามาสู่วงการ visual kei เหมือนอย่างคุณบ้าง?
- มีมืออาชีพมากมายที่เริ่มต้นเล่นดนตรีตั้งแต่ยังเรียนมัธยมหรือไฮสคูล ส่วนผมไม่มีประสบการณ์ตรงนั้น แต่ผมอยากตั้งวงดนตรีผมก็ตั้ง แต่มีอะไรบางอย่างที่ผมอยากบอกเด็กๆ ที่อยากเข้ามายืนตรงนี้
มีอย่างหนึ่งที่ผมอยากบอกพวกเขา  ผมไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดเหมือนที่ผมเคยเป็น  ตอนนี้...ทุกๆ วันเป็นวันที่ดี ผมมีเพื่อนๆ ในวงและคนอื่นๆ ที่คอยสนับสนุนผม
มันเจ็บปวดมากที่ต้องอยู่อย่างหิวโหยและแม้กระทั้งว่ามีใครสักคนบอกว่ามันไม่ใช่  แต่จริงๆ แล้วมันใช่  จะมีช่วงเวลาที่คุณไม่มีไลฟ์จะเล่น แม้กระทั้งตอนที่คุณไม่มีอะไรจะกิน
จำไว้ว่าคุณยังมีเพลงที่จะร้อง (หัวเราะ) ผมผ่านมันมาแล้วและตอนนี้ผมอยู่ตรงนี้ เพื่อที่จะบอกในสิ่งเดียวกันกับทุกๆ คนที่อยากจะเล่นดนตรีเหมือนกัน


แต่คุณมีความสนใจและสิ่งนั่นที่ทำให้คุณสามารถก้าวเดินต่อไปและมีความสุขกับสิ่งที่คุณหวัง
- ใช่ครับ ผมอยากจะอยู่ในวงดนตรีที่ทำเพลงออกมาแล้วใครๆ ก็อยากจะซื้อผลงาน นั่นเป็นความคิดที่ดี ตอนที่ผมอยู่ในความหวังอย่างที่สุด ไฟฟ้าที่บ้านถูกตัด (ยิ้ม) ในตอนนั้นผมทำงานตอนกลางคืน
กลับมาถึงบ้านในตอนเช้าแล้วก็นอนหลับ พอตื่นขึ้นมาโทรศัพท์ของแบตหมดไปแล้วทั้งๆ ที่ผมเสียบปลั๊กชาร์ตไว้ มันแย่มากนะที่ไฟฟ้าถูกตัดและผมจำได้ว่าผมหมดหนทางจริงๆ
แต่ผมก็ไปอาบน้ำแล้วก็นึกถึงว่าแล้วผมจะรีบไปทำงาน แต่ว่าไฟฟ้าโดนตัดดังนั้นก็ไม่มีน้ำร้อนให้อาบเช่นกัน  ผมก็เลยต้องสระผมในอ่างล้านจานแล้วก็ใช้ไดร์เป่าผมไม่ได้ด้วย (หัวเราะ)
ผมไม่มีทางเลือกแต่ต้องรีบไปทำงานทั้งๆ ที่ผ้าขนหนูยังพันอยู่บนหัว


มันคงจะยากมากเลยสินะ (ยิ้มแห้งๆ) แต่คนที่พูดว่า พวกเขาจะดูแลตัวเองและสามารถทำได้ก็เป็นอะไรที่วิเศษนะ
- ไม่...แต่มันเป็นความจริง

ตอนที่คุณอยู่ในช่วงเวลานั้นคุณก็ไม่ได้สิ้นหวังใช่ไหม?
- ผมไม่สามารถทำได้ (หัวเราะ) ถ้าตอนนั้นผมชอบคอสเพลย์ ผมคงเห็นตัวเองกำลังเล่นเป็นผู้ชายที่กระโดดเข้ามา ผมบอกตัวเอง ผมต้องสู้ต่อไปและผมก็ทำ ผมอยากให้มีคนมากขึ้นมากขึ้นมาชมโลกของวิชวล ไม่ใช่แค่คนที่จะซื้อแค่ซีดีของ Mejibray



ฟังแล้วดูดีมากๆ
- ผมไม่อยากเป็นคนเจ้าอารมณ์ และแน่นอน...ผมไม่อยากให้คู่แข่งของผมประสบความสำเร็จในช่วงเวลานี้ แต่ที่ผ่านมาผมมองว่า ถ้าเราสามารถเติบโตไปพร้อมๆ กัน
จะมีคนที่คิดว่าวงดนตรีวงอื่นนั่นมันแย่และพวกเขาสมควรแยกวง  แต่ไม่มีใครมีสิทธิ์คิดอย่างนั้นหรอกนะ ไม่ใช่ว่าวงวิชวลทุกวงมองหาในสิ่งเดียวกันหรอกหรือ?
ไม่ใช่ว่ามีผู้คนบนโลกนี้ที่ยังไม่เคยได้ยินแม้แต่คำว่า visual kei? แต่วงการนี้กำลังร้อนแรงเพราะว่ากำลังเติบโตและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมอยากให้วงของผมสามารถที่จะช่วยเหลือวงอื่นๆ สร้างงานเพลงที่ดีๆ เท่าที่พวกเราจะสามารถทำได้


คุณจะให้ความสำคัญกับวงก่อนที่จะเป็นตัวคุณงั้นหรือ?
- แน่นอน  คุณสามารถเดินต่อไปในโลกของ visual keiโดยที่ไม่ต้องสูญเสียอะไรไปเลย ผมต้องการที่จะก้าวเดินต่อไปสู่อนาคตที่ดี


T/N

[1] http://en.wikipedia.org/wiki/Kamen_Rider

Special Thank:  http://hanakotobatranslations.blogspot.ie
Photo credit : http://ayaheartsuruha.tumblr.com/

No comments:

Post a Comment